การป้องกัน ransomware นั้นสำคัญมาก เพราะเมื่อข้อมูลถูกเข้ารหัสแล้ว การกู้คืนอาจทำได้ยากและสิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย ดังนั้น มาดูวิธีป้องกันกัน

• สำรองข้อมูลเป็นประจำ: การสำรองข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ควรสำรองข้อมูลไปยังที่เก็บข้อมูลที่แยกจากระบบหลัก เช่น ฮาร์ดดิสก์ภายนอก หรือคลาวด์สโตเรจ และควรสำรองข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ
• อัปเดตซอฟต์แวร์ให้ทันสมัย: ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์มักจะปล่อยแพตช์แก้ไขช่องโหว่ของ ransomware อยู่เสมอ ดังนั้นควรอัปเดตระบบปฏิบัติการ โปรแกรมป้องกันไวรัส และซอฟต์แวร์อื่นๆ ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดอยู่เสมอ
• ใช้โปรแกรมป้องกันไวรัสที่ดี: โปรแกรมป้องกันไวรัสที่ดีจะช่วยตรวจจับและป้องกัน ransomware ได้ แต่ควรเลือกโปรแกรมที่มีชื่อเสียงและมีการอัปเดตฐานข้อมูลไวรัสอยู่เสมอ
• ระวังอีเมลและไฟล์แนบ: อย่าเปิดอีเมลหรือไฟล์แนบจากผู้ส่งที่ไม่รู้จัก หรือจากลิงก์ที่น่าสงสัย ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าผู้ส่งเป็นบุคคลที่คุณรู้จักและไฟล์นั้นปลอดภัย
• อย่าคลิกลิงก์ที่ไม่น่าเชื่อถือ: หลีกเลี่ยงการคลิกลิงก์ในอีเมล โฆษณา หรือเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ เพราะอาจนำไปสู่การติดตั้ง ransomware ได้
• ฝึกอบรมพนักงาน: สอนให้พนักงานตระหนักถึงภัยคุกคามจาก ransomware และวิธีการป้องกันตัวเอง เช่น การระวังอีเมลฟิชชิง หรือการดาวน์โหลดไฟล์ที่ไม่ปลอดภัย
• ใช้สิทธิ์ผู้ใช้ที่จำกัด: จำกัดสิทธิ์การเข้าถึงไฟล์และโปรแกรมของพนักงานแต่ละคน เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายของ ransomware
• มีแผนรับมือฉุกเฉิน: เตรียมแผนรับมือฉุกเฉินกรณีเกิดเหตุ ransomware เพื่อให้สามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็วและลดความเสียหาย

คำแนะนำเพิ่มเติม:

• ตรวจสอบระบบเป็นประจำ: ควรตรวจสอบระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่ายเป็นประจำ เพื่อหาสัญญาณของการติดเชื้อ ransomware เช่น ไฟล์หายไป เครื่องทำงานช้า หรือมีกระบวนการที่ไม่รู้จักทำงานอยู่
• ทำการสแกนระบบอย่างสม่ำเสมอ: ควรทำการสแกนระบบคอมพิวเตอร์ด้วยโปรแกรมป้องกันไวรัสอย่างสม่ำเสมอ เพื่อตรวจหาและกำจัด malware ที่อาจซ่อนอยู่
• ใช้ Two-factor Authentication: การใช้ Two-factor Authentication จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการเข้าถึงบัญชีต่างๆ และป้องกันไม่ให้ผู้บุกรุกเข้าถึงข้อมูลของคุณได้ง่าย